อารยธรรมอินเดียที่มีผลต่อวัฒนธรรมไทย

อินเดีย
เป็นแหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก บางทีเรียกว่า แหล่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ
อารยธรรมจากอินเดีย
มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตและการวางรากฐานทางวัฒนธรรมแก่คนในดินแดนไทย  และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ซึ่งกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่อารยธรรมอินเดียมีหลายกลุ่มด้วยกัน  เช่น  พวกพราหมณ์  พระภิกษุในพระพุทธศาสนา  พวกพ่อค้า  นักปกครอง  และนักแสวงโชค  เป็นต้น
ศาสนา
1)  ด้านศาสนา  ศาสนาที่นำอารยธรรมอินเดียเข้ามามีอิทธิพลต่อสังคมไทยอย่างกว้างขวาง  ได้แก่  ศาสนาพราหมณ์  และพระพุทธศาสนา
    2)  ด้านการปกครอง  พระมหากษัตริย์ไทยในอดีตได้ยึดมั่นในหลักธรรมทางศาสนาและนำหลักธรรมมาอบรมสั่งสอน  โน้มน้าวให้ประชาชนประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี  และนำหลักธรรมมาใช้ในการปกครองประเทศ  เพื่อให้เหล่าพสกนิกรอยู่เย็นเป็นสุข
    3)  ด้านภาษา  ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับอิทธิพลทางด้านภาษาจากอินเดีย
    4)  ด้านกฎหมาย  แนวความคิดพื้นฐานเดิม  อินเดียมุ่งใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการปกครองเพื่อปราบปรามและลงโทษผู้กระทำความผิด  ซึ่งสังคมไทยก็มีลักษณะเช่นเดียวกันมาแต่โบราณ  เพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงไปใช้แนวคิดของกฎหมายและการศาลแบบตะวันตกในสมัยยุครัตนโกสินทร์
    5)  ด้านศิลปกรรม  งานศิลปะในภูมิภาคนี้  ได้รับอิทธิพลจากอินเดียสูงมากที่สุด  ได้แก่  การสร้างเทวรูปและพระพุทธรูป

การเมืองการปกครองของอินเดียปัจจุบัน

การปกครองของอินเดียมีรัฐธรรมนูญเป็นแม่บท มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ และประมุขของฝ่ายบริหารตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ แต่อำนาจในการบริหารที่แท้จริงอยู่ที่นายกรัฐมนตรีประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นายประณับ มุขะร์ชี เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 13 ส่วนนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือนายนเรนทร โมดี เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 15 ของอินเดีย
  • การปกครองของส่วนกลาง
  • การปกครองระดับรัฐ
  • อาคารรัฐสภาอินเดีย
   สถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรม อินเดียได้รับอิทธิพลมาจากเปอร์เซีย (ลานด้านใน ประตูโค้ง) ที่เมืองหลวงใหม่ของพระเจ้าอัคบาร์ คือ ฟาเตห์ปูร์สิครี ใกล้เมืองอัครา แสดงสถาปัตยกรรมแบบโมกุลแท้ในการสร้างราชวัง สุเหร่า เช่นเดียวกับหลุมศพของพระเจ้าอัคบาร์ที่สีกันดารา และ วัดโก-แมนดาล ที่โอไดปูร์ แต่งานที่เด่นที่สุด คือ ทัชมาฮัล ประดับด้วยหินมีค่า บนยอดเป็นหินสีขาว เส้นทุกเส้นเข้ากันได้อย่างงดงามกับสวน และน้ำพุ นับเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นอกจากนั้นมีสุเหร่ามุกของเมืองอัครา เกิดนิกายขึ้นหลายนิกายในหมุ่คนฮินดู เช่น ตันตริก ซิก มาดวา ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีซากเมืองฮารับปาและโมเฮนโจดาโร ทำให้เห็นว่ามีการวางผังเมืองอย่างดี มีสาธาร-  ณูประโภคอำนวยความสะดวกหลายอย่าง เช่น ถนน บ่อน้ำ ประปา ซึ่งเน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความสวยงาม  ซาก พระราชวังที่เมืองปาฏลีบุตรและตักศิลา สถูปและเสาแปดเหลี่ยม ที่สำคัญคือ สถูปเมืองสาญจี (สมัยราชวงศ์โมริยะ) และสุสานทัชมาฮาล สร้างด้วยหินอ่อน เป็นการผสมระหว่างศิลปะอินเดียและเปอร์เชีย
ด้านอักษรศาสตร์
 เช่น ตัวอักษรปัลลวะแบบที่นิยมใช้ในอินเดียภาคใต้ในสมัยราชวงศ์ปัลลวะ (พุทธศตวรรษที่ ๑๑ – ๑๒) ดังได้พบจารึกโบราณภาษาสันสกฤตทั่วดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาชั้นสูงที่พวกพราหมณ์ใช้ และยังคงมีบทบาทอยู่โดยได้ปะปนอยู่ในแต่ละภาษาของแต่ละประเทศ  และงานวรรณกรรมในศาสนาพราหมณ์ ได้แก่คำภีร์พระเวท ซึ่งนักบวชในศาสนาพราหมณ์ยังใช่เป็นหลักคำสอน ตำรา ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

 วิถีชีวิต

          ด้านวิถีชีวิต คนไทยและคนที่อยู่ในภูมิเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางส่วนได้รับวัฒนธรรมการแต่งกายและวัฒนธรรมการกินอาหารจากอารยธรรมอินเดีย เช่น รับประทานอาหารที่มีเครื่องเทศเป็นส่วนผสม ใส่เสื้อผ้าแบบชาวอินเดีย เป็นต้น


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สมาชิก
เด็กหญิง ธีราพร นายม ม.2/5 เลขที่ 37
เด็กหญิง บุญยานุช บุญศักดิ์สทธิ์ ม.2/5 เลขที่38
เด็กหญิง ภคนันท์ คุ้มจั่น ม.2/5 เลขที่39


ความคิดเห็น